วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เพลง กระบี่ไร้เทียมทาน



เพลงกระบี่ไร้เทียมทาน วิชาไหมฟ้า ฮุ้นปวยเอี๊ยง



                                 https://www.youtube.com/watch?v=dqZAt3uPiYI



เพลง Reincarnated - กระบี่ไร้เทียมทาน
song KrabiRaiTiamTarn 天蠶變

โต่วจี่โจ่ยซานโป โก้วชวีเหม่ยซวีนโกว
เหม่งหว่านโจ่ยหลานซิว งัมซีฉี่นโมวโลว
เฝ่าหวั่นเหย่าซันปีน ฝักเชิ้กเก๋งโกว
งอโก้วซีฟูดโป่ว
โซยจีฉีซ่านเถ่า มานฝูมูนโปว
ตามสิวเฟยยิ่งห่ง ขวิดปั๊ดยวินเถ่งโปว
หลานหงานโตยฮืดโลว เจ็กหมกซีเหม่งโถ่ว
เหม่งหยวิดหยวินซานโกง  หวุ่ยกกฟู่โกว

เพาโฮยโงยโหม่ว เป๋าโจวจี้นโหง่ว
โจวจี้โต่ยกาโกว ซี้นโฟงโทวจ่น
กั๋มจงทีนฉ่าน ปิ๊กโซยพอลงโหล่ว
ยัดซังเชงยิ่งห่ง เหวงปั๊ดซนเหม่งโซว
เกงตั้กเหยป้อโถ่ว กังกั๋มจี้โงว
หมุกเฮยหลิวหงานเลย ปุยเสิงหลิวฝันโนว
เหยิ่งหงอพ้านหยินฟง โจ่ยหยี่ที้นเป่ยโกว

天蠶變 ( 1978 )
關正傑 (Michael Kwan)

獨自在山坡 高處未處高 命運在冷笑
暗示前無路 浮雲遊身邊 發出警告
我高視闊步 雖知此山頭 猛虎滿佈
膽小非英雄 決不願停步 冷眼對血路
寂寞是命途 明月映山崗 倍覺孤高
拋開愛慕 飽遭煎熬 早知代價高 絲方吐盡
繭中天蠶必須破籠牢 一生稱英雄 永不信命數
經得起波濤 更感自傲 抹去了眼淚
背上了憤怒 讓我攀險峰 再與天比高


 แถมให้ครับ เพลงดังมากจนต้องทำเป็นเวอร์ชั่นไทย มีหลายคนที่ร้องนะครับ พี่ดอน ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เพลง : กระบี่ไร้เทียมทาน
นักร้อง : ดอน สอนระเบียบ

ฮาฮา สุดขอบฟ้านั้น
ใครไม่อาจไปถึง บนดอยหุบเขาสูง
แม้เพียงเฉียดเมฆา ชะตาชีวิตนั้น
มันสูงเหลือคณา ดังทิวาลับไป

ขุนเขาสายเมฆผ่าน เลี้ยวลิบลอยผ่านไป
สิงห์เสือเขาพฤกษ์ป่า ดูมากมีเภทภัย
ขอเดินต่อไป ไม่เกรงกลัวชะตา
เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ
(เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ)

เขาไม่เคยหวั่น ขอฟาดฟันฝ่า
แม้มากดื่นศัตรู ใช้คมกระบี่
ชี้ทางองอาจ ขอมุ่งพิฆาตศัตรู

ฮาฮา สุดขอบฟ้านั้น
ใครไม่อาจไปถึง บนดอยหุบเขาสูง
แม้เพียงเฉียดเมฆา ชะตาชีวิตนั้น
มันสูงเหลือคณา ดังทิวาลับไป

ขุนเขาสายเมฆผ่าน เลี้ยวลิบลอยผ่านไป
สิงห์เสือเขาพฤกษ์ป่า ดูมากมีเภทภัย
ขอเดินต่อไป ไม่เกรงกลัวชะตา
เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ
(เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ)

เขาไม่เคยหวั่น ขอฟาดฟันฝ่า
แม้มากดื่นศัตรู ใช้คมกระบี่
ชี้ทางองอาจ ขอมุ่งพิฆาตศัตรู

ขุนเขาสายเมฆผ่าน เลี้ยวลิบลอยผ่านไป
สิงห์เสือเขาพฤกษ์ป่า ดูมากมีเภทภัย
ขอเดินต่อไป ไม่เกรงกลัวชะตา
เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ
เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เพลงเปิดสถานี...ต้องบรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ....ก่อนเสมอ

สวัสดีครับผม วันนี้พบกันอีกแล้วนะตามเคย วันนี้จะเล่าถึงตอนที่หลังจากที่บ้านได้ซื้อทีวีเข้ามาครับ เป็นทีวีขาวดำ ยี่ห้อเนชั่นแนล กรอบเป็นไม้


ทีวีเก่า ทีวีสี เนชั่นแนล
ทีวีเก่า ทีวีสี เนชั่นแนล

ชั้นวางของ ประกอบจากเหล็กฉาก
ชั้นวางของ ประกอบจากเหล็กฉาก


ผ้าดิบ ผ้าเอนกประสงค์ ของสมัยก่อน
ผ้าดิบ ผ้าเอนกประสงค์ ของสมัยก่อน


และทำโต๊ะที่ใช้เหล็กฉากประกอบเอาไว้เพื่อตั้งทีวีโดยเฉพาะ ตรงส่วนด้านล่างเตรียมไว้เพื่อ เครื่องเล่นวีดีโอเทปในอนาคต อิอิ แล้วคลุมผ้ากันน่าเกลียดนิดนึงด้วยผ้าดิบสีขาว ซึ่งเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ยอดฮิตในสมัยนั้น(ไม้สักเปล่าไม่แน่ใจ) จำได้ว่าวันนั้นไม่เคยได้คิดได้ฝันเลยครับว่าจะได้ดู จำได้ว่าเป็นตอนกลางคืนช่วง1ทุ่ม กว่าจะได้ดูจูนเสร็จประมาณ2ทุ่มกว่า  (ตอนแรกลุงบอกว่าอุตส่าห์จูนมาแล้วนะ แต่หลังๆใช้ไปนานๆจะรู้ว่าไม่เกี่ยวครับ ต้องมาจูนใหม่ถ้าย้ายที่) แล้วก็ให้นั่งห่างจากทีวี ไม่ใช่ว่ามันจะระเบิดนะแต่เค้าว่าสายตาจะเสีย พอเปิดทีวีมาก็เจอรายการลุงคนนึงรายงานข่าวอะไรไม่รู้ แล้วก็เป็นรายการสารคดีใช่ชีพจรลงเท้ารึ
 เปล่าผมไม่แน่ใจ



ละครเก่า ถ่ายกันในห้องส่งสัญญาณ
ละครเก่า ถ่ายกันในห้องส่งสัญญาณ


 แล้วก็รายการต่อมาเป็นละครซึ่งสมัยนั้นยังถ่ายทำกันในห้องส่งครับ ไม่ว่าต้นไม้ก้อนหินหญ้าทุกอย่างทำจำลองเกือบหมด ประมาณดูละครของตลกชิงร้อยชิงล้านเลยครับ หลังๆจึงค่อยมีการถ่ายทำนอกสถานที่เป็นฉากๆไป โดยเฉพาะหลังๆจากนั้นละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์(ตอนนั้นผมได้ดูทีวีสีแล้วครับ อิอิ)ก็ถูกจัดทำออกมาเพื่อฉายรอบดึกกันสนุกเลยทีเดียว

ละครเก่า ช่อง3 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ละครเก่า ช่อง3 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช


สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2530
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ช่อง3 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

 
 
ไม่ว่าจะเป็นขุนศึก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จนเรศวรมหาราช ขอย้อนกลับมาต่อจากมะกี้ครับ จำได้ว่าเปิดนั่งดูกันจนถึงเที่ยงคืนครับ สถานีก็ปิด ก็จะมีการขึ้นเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วก็ขึ้นมาเป็นแถบเส้นสี นั่นแสดงว่าปิดสถานีแล้ว


ภาพแสดงการ ปิดสถานี แถบสัญญาณสี
ภาพแสดงการ ปิดสถานี แถบสัญญาณสี


จำไม่ได้ว่ามีเปิดเพลงคลอๆให้มั้ย แต่พอจำได้ว่าหลังจากนั้นไม่กี่ปีสถานีแอบเปิดเพลงคลอเบาๆให้ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าของช่อง3มั้ย? พอเช้าขึ้นมาก็รีบตื่นตามปกติครับ ช่วยทำงานบ้านตามปกติ แล้วก็สงสัยไม่เห็นใครเปิดทีวี กลัวเปลืองไฟรึเปล่า? คำตอบคือไม่ใช่ครับ สถานีจะเปิดบ่าย3โมง นั่นคือคำตอบ....
                                         
อสรูน้อยคีทาโร่ ช่อง3 4โมงเย็น
อสรูน้อยคีทาโร่ ช่อง3 4โมงเย็น

ผมก็รอๆมาถึง3โมง รีบๆทำงานทุกอย่างให้เสร็จเพื่อรอดูทีวี พอถึงเวลาปั๊บ อ๊ะ...ทำไมมีแต่เพลงอะไรเนี่ย "บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านปกเมืองคุ้มเหย้า....." พอจบแล้วก็ตามด้วยเพลงที่เกี่ยวกับตำรวจตระเวณชายแดน แล้วเพลงก่อนที่จะเปิดเข้าสู่รายการจริงๆต้องนี่ครับ "เชิญ..พวกเราพี่น้องมาพร้อมกัน เชิญ.. ที่ใต้ร่มธงไทย" ถึงจะได้ดูครับ เราก็จะได้ดูละครเอาใจคุณแม่คุณน้าคุณอาก่อนครับ แล้วต่อด้วยการ์ตูนฮาโตริ อสูรน้อยคิทาโร่ หนังการ์ตูนแจ๋วๆเยอะนะครับ แต่ทีเด็ดก็คือ... หลังๆจากนั้นมีการนำเอา หนังจีนเรื่องกระบี่ไร้เทียมทานเข้ามาฉายครับ  และ...ผมขอถือเอาการเปิดตัวหนังจีนเรื่องนี้เป็นการเปิดปฐมบทของบล็อก"ยุทธจักรฮาเฮ..โรงเตี๊ยมยุทธภพ" เลยละกันนะครับผม วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามครับ ขอให้มีความสุขมีรอยยิ้มกันทุกคน

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หนังแบบนี้เค้าเรียกว่าหนังจีน?

สวัสดีครับ วันนี้มาต่อเลย ขอเริ่มตั้งแต่การได้รู้จักหนังจีนครั้งแรก ก็ต้องท้าวความเริ่มไปจากคำว่า"หนัง" สำหรับผมก่อน และความสงสัยตอนที่ได้ดูทีวีครั้งแรก ทำไมมันถึงมีภาพคนเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น ในสมัยผมเป็นเด็กส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่มีทีวี ที่มีก็จะ

ทีวีเก่า ทีวีขาวดำ grundig กุนดิค
ทีวีเก่า ทีวีขาวดำ grundig กุนดิค

เป็นทีวีขาวดำ (ภาพขาว-ดำ) ยังไม่มีสี และโครตหนักมากครับ (อธิบายในรูปหน่อยนึง เมื่อก่อนทีวีเยอรมันนี่ดีกว่าฟิลิปนะผู้ใหญ่เค้าบอกมา เค้าว่าความคมชัด แลมีมิติ ความดำแยกได้หลายระดับ ไม่ค่อยมีสัญญาณรบกวน แต่ที่ผมสัมผัสนั่นคือเรื่องจริงครับ แต่เหนื่อกว่านั้นคือจูนหาคลื่นสถานีทีเมื่อยมือมาก เวลาเปลี่ยนช่องก็ไม่ทันใจต้องบิดเปลี่ยนช่องเอา ทำมากๆลูกบิกหักคามือเลยครับ ซวย!!! แล้วพอภาพมันล้มก็ต้องมีทุบมีเคาะกัน สนุกสนาน คนไหนมีสถิติการเคาะแล้วภาพกลับมาจะได้รับเกียรติเป็นประธานผู้ได้เคาะก่อนคนอื่นทุกครั้งครับ )และแพงมากเสียด้วย ขนาดบ้านผมอยู่กรุงเทพนะทั้งซอยยังไม่มีใครมี แต่ถ้าบ้านที่ต่างจังหวัดจะมีบ้านของผู้ใหญ่บ้านที่มีเท่านั้น!!! การรับฟังข่าวสารก็มาจากวิทยุหนังสือพิมพ์ ถ้าเป็นวารสารนี่ต้องว่ากันเป็นรายเดือน รายปักษ์ครับ ประมาณว่า ดาราคนนี้ตาย กว่าผมจะรู้ข่าวอีกทีเค้าฝังเสร็จ-เผาเสร็จกันไปแล้วก็ตาม การที่ได้ดูหนังหรือเห็นภาพยนต์ครั้งแรกคือได้ดูจากหนังกลางแปลงรุ่นของผมเค้ายังพาทย์สดๆกันอยู่ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของผู้รับจ้างแต่ละรายครับ  ก็ตลกดี บางทีก็พาทยืชื่อเป็นคนไทยก็มี อย่างสมชาย สมร อะไรอย่างนี้

บรรยากาศดูหนังกลางแปลงสมัยก่อน
บรรยากาศดูหนังกลางแปลงสมัยก่อน



หนังที่ได้ดูช่วงแรกๆก็จะเป็นหนังไทยครับ อย่างพระเอกก็คุณสรพงษ์ ชาตรี  คุณสมบัติ เมทะนี ส่วนดาวร้ายยอดนิยมก็คงต้องเป็นคุณกรุง ศรีวิไล ดาราหญิงก็คุณเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ คุณจารุณี สุขสวัสดิ์หนังจะเป็นฉากบู๊ซะส่วนใหญ่

กรุง ศรีวิไล
กรุง ศรีวิไล

สมบัติ เมทะนี
สมบัติ เมทะนี

สรพงษ์ ชาตรี
สรพงษ์ ชาตรี


เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์


จารุณี สุขสวัสดิ์
จารุณี สุขสวัสดิ์


 และจะมีฉากวับๆแวมๆให้เห็น พอถึงฉากนั้นทีไรถ้าผู้ใหญ่อยู่ด้วย จะให้ปิดตาไม่ให้ดู ก็ต้องเอามือปิดตาหลับตาปี๋เลยครับ



ฉากอีโรติค ฉากวับๆแวมๆในสมัยก่อน
ฉากอีโรติค ฉากวับๆแวมๆในสมัยก่อน

 ครั้งแรกที่ได้ดูหนังจีนที่ฉายทางหนังกลางแปลงก็น่าจะเป็นมังกรหยก ภาค 5 ตอน เอี้ยก้วยกับเซียวเล่งนึ่ง ที่เลสลี่จาง เล่นเป็นเอี้ยกวย ที่ศาลเจ้าแถวบ้านเอามาฉาย เนื้้อเรื่องไม่รู้เรื่องหรอกบอกตรงๆนะ แต่ชอบเสื้อผ้า กับท่าการต่อสู้มาก เพราะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะสรพงษ์ ชาตรีทำไม่ได้ 

มังกรหยก ภาค 5 ตอน เอี้ยก้วยกับเซียวเล่งนึ่ง
มังกรหยก ภาค 5 ฉากเอี้ยก้วยขี่พี่นกยักษ์

มังกรหยก ภาค 5 ตอน เอี้ยก้วยกับเซียวเล่งนึ่ง
มังกรหยก ภาค 5 ตอน ฉากที่กำลังต่อสู่กับลามะจักรทอง

มังกรหยก ภาค 5 ตอน เอี้ยก้วยกับเซียวเล่งนึ่ง
มังกรหยก ภาค 5 ลามะจักรทอง ตาย!!!!


555+ ขี่นกยักษ์ได้ มีเหาะลงมาแทงได้ด้วย พระเจ้า!!! บังคับกงจักรบินไปสู้ได้อีก แต่ภาพมันติดตามาก พอดูเสร็จก็อยากดูต่อมาก ตามประสาเด็กละเนอะ พอดูเสร็จก้ต้องเข้าบ้านครับ เนื่องจากเค้าฉายหยังกลางแปลงในซอย ฉะนั้นแค่เปิดประตูบ้าน แล้วเอาเก้าอี้ไปตั้งหน้าบ้านก้มองเห็นแล้วครับ ใครไม่จุใจก็ไปนั่งหน้าชิดขอบจอได้เลย แต่แอบหงุดหงินนะที่ชอบมีเงาหัวคนเดินผ่านตอนกำลังดูเพลินๆติดลม ซึ่งผมก็ดูไม่ชัดเท่าไหร่อยู่แล้วเจอแบบนี้เซ็ง เออ..ขอเล่าอีกนิดนะ สมัยก่อนนี่ผู้ใหญ่เลี้ยงดูเด็กได้เฮี๊ยบและเข้มงวดมาก ต่างกลับสมัยนี้และที่น่าตกใจกว่าคือ ผู้ใหญ่ก็เคยพูดแบบที่ผมพูดตอนนี้เลยว่าสมัยเค้าถูกเคี่ยวเข็ญสั่งสอนมามากกว่ารุ่นผมอีกมาก สงสัยว่าคนสมัยก่อนเค้าฝึกลูกหลานให้เป็นทหารรึเปล่าครับ ไม่น่าจะใช่เนอะเค้าคงหวังดีจริงแหละ เพราะมีหลายครั้งต้องเกิดเหตุการณืที่ทำให้นึกถึงคำสั่งสอนในอดีตอยู่หลายครั้ง ซึ่งคิดว่าหากไม่เคยได้รับการสั่งสอนมาก่อนคงพลาด และทำอะไรผิดพลาดหลายครั้งเลยทีเดียว ถ้ายังไงในยุคนี้ก็ขอให้สั่งสอนลูกหลานกันพอดีตามยุคตามสมัย อย่างมีหลักการและเหตุผลทำให้เด็กเข้าใจได้ถูกต้องด้วยตัวเองได้ นั่นคือสิ่งที่ควรกระทำครับผม เออ.กลับเข้าเรื่องดีกว่า ผมเดานะว่าหลายๆคนที่เกิดทันยุคเดียวกับผม จะต้องเคยหาอะไรมาตกแต่งตัวเองเป็นจอมยุทธกันเกือบทุกคน ที่หาง่ายๆก็ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า และพวกกระบี่พลาสติก ดาบพลาสติกที่ออกมามากมาย บางอันกลัวไม่รู้ครับต้องพิมพ์ระบุชื่อด้วย อย่าง"กระบี่มังกรหยก" "ดาบวงพระจั้นทร์" เคยได้ครั้งนึงที่ต่างจังหวัดเป็นมีดเล่มน้อยน่าจะพอๆกับมีดปลอกผลไม้ครับ มีพิมพ์ว่า "ลี้น้อยมีดบิน" ซึ่งคงมาจากหนังเรื่องฤทธิมีดสั้น ลี้คิมฮวง โดยไม่ต้องสงสัย 


กระบี่ของเล่น กระบี่จอมยุทธพลาสติก
กระบี่ของเล่น กระบี่จอมยุทธพลาสติก

ดาบวงพระจันทร์
ดาบวงพระจันทร์



ก็อย่างที่บอกว่าไตอนเด็กไม่เคยได้รับอนุญาติให้ไปเล่นกับใครนอกบ้าน หากมีเวลาตอนที่ไม่ใครอยู่บ้านก็จะไปเอาไม้ที่เค้าเอาไว้ใช้ตีผมนี่แหละ เอามาฝึกกระบี่ ตีที่หมอนบ้าง เอาไว้ระบายความมันส์ได้ดีจริงๆครับ จนได้มีโอกาสได้ไปตลาดนัดนี่แหละถึงได้ซื้อมาเล่มแรกนี่กระบี่แดงครับ ถือคติ จะถูกจะแพงเลือกสีแดงไว้ก่อน ประมาณนั้น 


ตลาดนัดสมัยก่อน ถ่ายแถวสนามหลวง
ตลาดนัดสมัยก่อน ถ่ายแถวสนามหลวง


เอาหละ วันนี้ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวครั้งหน้าจะมาเล่าเกี่ยวกับอะไรอีกค่อยว่ากันอีกทีครับ ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านคนเพ้อเจ้อ เล่าความหลังคนนี้ มีความสุขทุกคนนะครับ ขอบคุณมากครับ